วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

ขั้นตอนการทำซออู้

  -การเลือกผลมะพร้าวซอ


        ผลมะพร้าวซอที่นำมาทำกะโหลกซอ ใช้ได้ทั้งมะพร้าวที่ไม่แก่และไม่อ่อนจนเกินไปหรือมะพร้าวที่ไม่คลอนน้ำ ซึ่งเรียกตามภาษาพื้นบ้านว่า “มะพร้าวทึนทึก” จะได้กะโหลกสีงาช้าง ถ้าเป็นมะพร้าวแก่จะได้กะโหลกสีดำ

 

- การตัดหน้ากะโหลกซอ 

      ใช้เลื่อยคมๆ ตัดกะลามะพร้าวซอตรงส่วนที่กว้าง ใกล้กับขั้วให้พูทั้งสามอยู่ด้านบน  เป็นพูข้างสองพู และพูหลังหนึ่งพู เมื่อตัดออกแล้วจะเหลือหน้าซอกว้างไม่เกิน ๔ นิ้วและยาวไม่เกิน ๑๕ เซนติเมตร เป็นด้านที่ใช้ขึ้นหนังหน้าซอ ขูดเนื้อมะพร้าวออกให้หมด ทาแลกเกอร์ภายในกะโหลกให้ทั่ว

 

- การแต่งหน้ากะโหลกซอ

        
แต่งหน้ากะโหลกซอที่ตัดออกแล้ว โดยใช้เครื่องกรอหรือบุ้งฝนกับกระดาษทรายให้เรียบ  เพื่อจะขึ้นหนังหน้าซอ 







 - การแกะลายกะโหลกซอ


       หลังจากขึงหน้าหนังแล้วจึงแกะลาย นิยมแกะพูเดียวซึ่งอยู่ระหว่างกึ่งกลางด้านหน้าที่ตัดออก เรียกว่า พูท้าย โดยกำหนดส่วนสัดที่จะวาดลายตามรูปทรงของกะโหลกนั้น วาดลายตรงกลาง ถ้ากะลาดำจะทาแป้งดินสอพอง เพื่อวาดลายให้เห็นเด่นชัด
ใช้เครื่องมือฉลุเซาะร่อง
แกะด้วยเหล็กน้ำพี้
 


- การขึ้นหน้าหนัง


       นำแผ่นหนังมาขึงกับกะโหลกซอด้านที่ตัดออกให้ตึงผนึกด้วยกาวเมื่อหนังแห้งสนิทจึงตัดขอบหนังที่เกินออก โดยวัดความกว้างจากหน้าซอเข้ามาประมาณ ๑ นิ้ว หรือให้เหมาะสมกับขนาดของกะโหลก

 

 
แผ่นหนังวัวที่ทำการฆ่าหนังแบบโบราณแล้ว


 

 
ขึงหน้าหนังกะโหลกซอ
 
ตัดแต่งขอบหนังที่เกินออก
       หนังหน้าซอที่ขึ้นเรียบร้อยแล้ว บ้างก็ปล่อยขนไว้เพื่อความสวยงาม  บ้างก็ขูดขนออก ซึ่งขึ้นอยู่กับความสวยงามของขนหนังชนิดนั้นๆ และขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เป็นเจ้าของ  บ้างก็ทาสีที่ขอบเพื่อเน้นหน้าซอซึ่งกว้าง ๔ นิ้ว และยาว ๑๕ เซนติเมตรโดยประมาณ หรือตามความเหมาะสมของขนาดกะโหลกซอ









*เทคนิคแกะสลักได้ดั่งใจ
    
      เราควร
ใช้เครื่องมือแกะสลัก แกะลายตามที่วาดไว้  แล้วฉลุเซาะร่องด้วยใบเลื่อยเล็ก ๆ ในการฉลุลวดลายต่าง ๆ  มีผลต่อเสียงของซอ  ถ้าฉลุลายโปร่งมากเกินไปเสียงจะไม่ไพเราะ  เมื่อฉลุลายแล้วให้ส่วนที่ฉลุออกเป็นเศษกะลารวมกันให้ได้ประมาณเท่ากับเหรียญหนึ่งบาทในสมัยก่อนหรือเท่ากับเหรียญห้าบาทในสมัยปัจจุบัน
     เมื่อแกะลวดลายเสร็จแล้ว  ใช้กระดาษทรายขัดบริเวณตัวกะโหลกรอบ ๆ  ลายให้เรียบ  ล้างด้วยผงซักฟอกใช้แปรงถูให้เศษผงกะลาออกจากร่องลายจนสะอาด  ผึ่งให้แห้งสนิท  แล้วทาแลกเกอร์เคลือบเงา 

 



- การเตรียมคันทวน
        
คันทวน คือส่วนที่เป็นไม้เสียบต่อจากตัวกะโหลกซอขึ้นไปกลึงกลมตลอด ยาวประมาณ ๓๐ นิ้ว หรือเหมาะสมกับขนาดของกะโหลกซอ
        เจาะรูคันทวน  รู เพื่อใส่ลูกบิด  ลูกระยะจากผิวกะโหลกด้านบนถึงลูกบิดลูกที่หนึ่งยาวประมาณ ๑๗ นิ้ว จากลูกบิดลูกที่หนึ่งถึงลูกบิดลูกที่สองห่างกัน ๓ นิ้วครึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของกะโหลกซอ       ขัดคันทวนให้เรียบ ทาแลกเกอร์เคลือบเงา ทิ้งไว้ให้แห้ง 


 
 
คุณลุงกลิ้งกำลังเจาะรูคันทวน ๒ รู สำหรับใส่ลูกบิด ๒ ลูก
 
ไม้ที่ใช้ทำคันทวน
        ไม้ทำคันทวน ไม้ที่ใช้ทำคันทวน คันชัก และลูกบิดใช้ไม้ประดู่ ไม้มะเกลือ ไม้พญางิ้วดำ ไม้ชิงชัน ไม้ตาล ไม้มะพร้าวไม้มะริด ไม้กะพี้เขาควาย ไม้สาธร ไม้แก่นมะขาม และงาช้างเป็นต้น 
           





 


 - การเตรียมคันชัก

         คันชัก   นิยมใช้ไม้ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำคันทวนของซอ มีความยาวประมาณ ๒๘ นิ้ว ทำด้วยไม้กลึงกลมเล็กกว่าคันทวน มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑.๓ เซนติเมตร ด้านมือจับมีหมุดสำหรับเป็นหลักให้เส้นหางม้าคล้อง ซึ่งยาวประมาณ ๒๓ นิ้ว จำนวน ๒๐๐ – ๒๕๐ เส้น
   
เส้นหางม้านี้สอดเข้าระหว่างสายเอกกับสายทุ้ม คันชักอีกด้านหนึ่งเจาะรูไว้เพื่อร้อยเส้นหางม้า แล้วขมวดให้แน่นจนเส้นหางม้าตึง ใช้ยางสนถูที่เส้นหางม้าเพื่อให้มีความฝืดมากพอที่จะใช้สีกับสายซอให้เกิดเสียงดัง
      
นอกจากนี้อาจใช้เส้นเอ็นจำนวนประมาณ ๓๐๐ เส้นเอ็นแทนเส้นหางม้าก็ได้ เส้นหางม้าหรือเส้นเอ็นเมื่อรวมกันแล้วหนาประมาณ เส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ 1หุน (เศษหนึ่งส่วนแปดนิ้ว)






 - การเตรียมหมอนหน้าซอ 

            หมอนหน้าซอ   หรือเรียกว่า “หมอนรองสาย” ใช้หนุนสายทั้งสองของซออู้ ทำด้วยไม้ไผ่ ผ้า หรือกระดาษม้วนแล้วทากาวก็ได้หมอนยาวประมาณ  เซนติเมตร หนาประมาณ ๑.๕ เซนติเมตรหมอนหน้าซอนี้บางทีก็เรียก “หย่อง” เวลาเล่นซอจะเลื่อนหมอนไว้ที่กลางหน้าซอ การปรับแต่งหมอนหน้าซอ โดยการแกะหมอนให้เกิดช่องอากาศไว้ด้านใน ช่วยให้เสียงดีขึ้นได้

 
              หมอนหน้าซอทำด้วยกระดาษม้วนทากาว                                      หมอนหน้าซอทำด้วยผ้าม้วนทากาว
- การเตรียมลูกบิด

           ลูกบิด      คือส่วนที่เป็นไม้เนื้อแข็งเช่นเดียวกับคันทวนและคันชักหรือทำจากงาช้างกลึงกลม มี ๒ ลูก เสียบอยู่กับคันทวน ปลายลูกบิดเจาะรูไว้สำหรับร้อยสายซอ เพื่อขึงให้ตึง ลูกบิดยาวประมาณ ๕ นิ้วครึ่ง ทาด้วยแลกเกอร์เคลือบเงา

 
ลูกบิดที่กลึงแล้ว นำไปทาแลกเกอร์เคลือบเงา


 
ลูกบิดที่ทำจากไม้ชิงชัน


         



ลูกบิดที่ทำจากไม้ชิงชันฝังมุก



วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

ประวัติความเป็นมาของซออู้


ประวัติความเป็นมาของซออู้


          ซออู้ เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสี มี 2 สาย มีเสียงทุ้มต่ำ ตัวกะโหลกซอทำด้วยกะลามะพร้าว แต่ใช้กะลามะพร้าวพันธุ์ซอ ขนาดกะโหลกใหญ่เป็นพู มีการแกะสลักกะโหลกให้มีลวดลายวิจิตรบรรจงสวยงาม มะพร้าวพันธุ์ซอนี้ส่วนมากปลูกในอำเภอบางคนทีและอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

ซออู้ของไทยมีรูปร่างคล้ายซอชนิดหนึ่งของจีน ที่มีชื่อว่า ฮู-ฮู้” (Hu-hu) มี 2 สายเหมือนกันแต่ ฮู-ฮู้ มีนมรับสายก่อนจะถึงลูกบิด และลูกบิดอยู่ทางด้านขวามือของผู้เล่น ตรงลูกบิดที่จะสอดเข้าไปในทวนนั้นขุดทวนให้เป็นรางยาวและเอาสายผูกไว้กับก้านลูกบิดในร่องหรือรางนั้น และบางทีซออู้ของไทยอาจเอาแบบอย่างมาจากจีน แต่ในอีกแนวคิดหนึ่งซออู้นั้นอาจเป็นซอที่ประดิษฐ์ขึ้นก่อนซอของจีนและเป็นซอของไทยแท้ ๆ ที่ไม่ได้เลียนแบบมาจากประเทศอื่น เหตุผลเพราะว่าสมัยก่อนมีกลุ่มชนชาวไทยซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน ได้อพยพลงมาและชนกลุ่มนี้มีความเจริญทางด้านศิลปะการดนตรี จึงได้คิดประดิษฐ์สร้างดนตรีขึ้นบรรเลง เพื่อความสนุกสนานและเพื่อผ่อนคลายความเครียด จากสาเหตุดังกล่าว จากที่เราเคยอาศัยอยู่ในประเทศจีนจึงเป็นเหตุให้เชื่อว่าเราอาจเลียนแบบมาจากจีน แต่แท้ที่จริงแล้วคนไทยในประเทศจีนเป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นเองไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากใคร ซออู้เป็นซอประเภทเครื่องสี มี 2 สายเช่นเดียวกับซอด้วง วิธีการบรรเลงโดยทั่วไปก็เป็นแบบเดียวกับซอด้วง คือ ท่านั่ง ท่าจับซอ ท่าจับคันชัก การใช้นิ้ว การไกวคันชัก คันชักออก คันชักเข้า คันชักสะบัด คันชักหนึ่ง สอง สี่ แปด ฯลฯ เป็นแบบเดียวกับซอด้วงทั้งสิ้น แต่ต้องนำมาเขียนแยกออกจากกันก็เพราะ ถึงวิธีการโดยทั่วไปจะละม้ายคล้ายคลึงกันก็ตาม แต่หลักการโดยเฉพาะของมันย่อมแตกต่างกันไม่ใช่น้อย ทั้งนี้เพราะซออู้เป็นซอเสียงทุ้ม มีหน้าที่บรรเลงขัด ล้อ ต่อ เหลื่อม ล่อ หลอก หน่วง ล้ำหน้า ฯลฯ คลุกเคล้าไปกับซอด้วง พูดง่าย ๆ ก็ว่าซอด้วงเป็นซอยืนหรือเป็นพระเอกประจำวง แต่ซออู้นี้เท่ากับเป็นตัวตลกคลุกคลีไปกับซอด้วงทำให้การบรรเลงสนุกสนานน่าฟัง” (ศจ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์, 2525 : 1) แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่มีหลักฐานพอจะทราบได้ว่า ซออู้เข้าร่วมประสมวงดนตรีในวงเครื่องสายและวงมโหรี เมื่อราวสมัยกรุงรัตนโกสินทร์และต่อมาในระยะหลังนี้ได้นำเข้าบรรเลงในวงปี่พาทย์ไม้นวม วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ และนิยมนำมาบรรเลงเดี่ยว